นายสราวุฒิ สุวรรณรัตน์ กรรมการยุทธศาสตร์ภาคใต้ พรรคกล้า กล่าวกับ sanook.com และสื่อมวลชนหลายสำนัก เมื่อวันพฤหัสบดี (9 ธ.ค.) เรียกร้องให้ประชาชนทั่วไปและผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเลิกแปะป้ายพรรคกล้าว่าเป็น “สลิ่ม” เพราะพรรคและทีมงานก้าวข้ามความขัดแย้งทางการเมืองในอดีตไปแล้ว และต้องการทำงานเพื่อคนไทยทุกคนให้ก้าวไปในอนาคตได้
สลิ่มเป็นศัพท์ทางการเมือง ที่มีที่มาจากขนมซ่าหริ่มที่มีสีสันหลากหลาย ซึ่งคำนี้นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ใช้เรียกกลุ่มเสื้อหลากสี ที่ออกมารวมตัวแสดงความไม่เห็นด้วยการต่อการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือคนเสื้อแดง เมื่อปี 2553 แต่ภายหลังคำศัพท์นี้มีความหมายถึงกลุ่มอนุรักษ์นิยม ที่ไม่ยึดถือหรือยึดถือหลักการประชาธิปไตยเพียงบางส่วน และมักมีทัศนคติมองผู้คนไม่เท่ากัน
กรรมการยุทธศาสตร์ภาคใต้ของพรรคกล้า รายนี้ กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาตนเป็นพ่อค้าคนหนึ่ง ตนไม่เคยเป็นคู่ขัดแย้งกับฝ่ายการเมืองใด แม้แต่ฝ่ายซ้าย เช่นเดียวกับสมาชิกพรรคกล้าจำนวนมากที่เป็นคนหน้าใหม่ทางการเมือง ทุกคนอยากเห็นคนสูงวัยเกษียณอย่างมีความสุข คนหนุ่มสาวทำงานอย่างมีความสุข และเด็กเติบโตอย่างมีความสุขเช่นกัน
นายสราวุฒิ พูดอธิบายต่อไปว่า ตนไม่ได้เห็นด้วยกับนโยบายทุกอย่างที่รัฐบาลชุดปัจจุบันนำเสนอและทำขึ้นมา อย่างเช่น การบริหารจัดการวัคซีนที่วุ่นวายและเต็มไปด้วยข้อครหา หรือแม้แต่การเยียวยาจากการล็อกดาวน์โควิดที่ไม่ทั่วถึงและไม่เพียงพอ และแม้กระทั่งสภาพเศรษฐกิจที่ด่านนอก จ.สงขลา ที่ซบเซา ล้วนแล้วแต่เป็นจุดอ่อนที่เกิดจากการบริหารที่ผิดพลาดของรัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนี้
ขณะเดียวกัน ตนยังยอมรับถึงความสามารถของอดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร ที่พลิกโฉมให้ประเทศไทยเคยกลายเป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย คนจำนวนมากลืมตาอ้าปากได้ในยุคนดังกล่าว ส่วนตนเป็นพ่อค้ามาตลอด จึงต้องการเห็นประเทศไทยเอื้อต่อการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่ แต่อุปสรรคอยู่ที่กฎหมาย จึงต้องเข้ามาทำงานการเมืองเพื่อแก้ปัญหานี้โดยหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่
นายสราวุฒิ จึงเรียกร้องว่าปัญหาร่วมของคนทุกกลุ่มในขณะนี้คือปากท้องเศรษฐกิจ ดังนั้นจึงควรเลิกแปะป้ายผู้อื่นให้แปลกแยกจากตัวเอง และมาร่วมมือกันแก้ปัญหา วิธีนี้เป็นทางออกที่ที่พรรคกล้าเชื่อว่าดีกว่า
ยืนยันเป็นพรรคของทุกคน วอนอดทนต่อความเห็นต่าง
นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวเสริมว่าระหว่างวงสนทนานี้ว่า พรรคกล้าไม่ได้แบ่งกลุ่มเป้าหมายว่าจะดึงดูดกลุ่มผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกลุ่มใดเป็นพิเศษ พรรคกล้าต้องการเป็นพรรคการเมืองที่ทำประโยชน์เพื่อคนทุกกลุ่ม เพียงแต่ว่า ขณะนี้ความเป็นไปได้ของผู้ที่จะเลือกพรรคกล้าให้มาทำงานนั้น ตนมองว่ายังเป็นคนในกรุงเทพมหานครและภาคใต้เป็นส่วนใหญ่ ส่วนหนึ่งเพราะฐานเสียงเดิมที่ชื่นชอบตนและผู้สมัครของพรรค และข้อมูลการเสียภาษีที่พรรคได้เงินบริจาคจากผู้เสียภาษีมากเป็นอันดับ 3 ซึ่งผู้ที่เสียภาษีเงินได้ส่วนใหญ่อยู่ในเมืองใหญ่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะ กรุงเทพมหานคร
หัวหน้าพรรคกล้า ที่เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในสมัยอดีตนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวย้ำว่า ตนต้องการสร้างการเมืองที่มีบรรยากาศที่พร้อมรับฟังซึ่งกันและกัน และเรียกร้องคนทุกกลุ่มว่า ไม่เคารพและไม่ยอมรับต่อความเห็นต่างไม่เป็นไร แต่ต้องมีความอดทนอดกลั้น
