"มายา มัวร์" : ยอดนักบาสหญิงอเมริกันที่เลิกตอนรุ่งเพื่ออุทิศตนสร้างความยุติธรรม

0
128
สมัคร mm88

คุณพร้อมจะหันหลังให้กับเส้นทางอาชีพที่ประสบความสำเร็จ เพื่อสร้างความยุติธรรมแก่สังคมหรือไม่?

มายา มัวร์ อดีตนักบาสเกตบอลเจ้าของรางวัล MVP, ผู้เล่นหน้าใหม่แห่งปี และแชมป์ลีก 4 สมัย คือหนึ่งในคนที่ตอบว่า “ใช่” เมื่อเธอกล้าทิ้งทุกอย่างที่สร้างมาตลอดชีวิตในวงการกีฬา เพื่ออุทิศตนไปกับการทวงคืนความยุติธรรมให้กับผู้บริสุทธิ์ที่ต้องจำคุกอย่างไม่เป็นธรรม ก่อนจะนำมาสู่ผลลัพธ์ที่สร้างแรงบันดาลใจแก่คนทั่วโลก

เรื่องราวของเธอเป็นอย่างไร? ติดตามได้ที่นี่กับ Main Stand

เกิดมาเพื่อสร้างประวัติศาสตร์

มายา มัวร์ เติบโตขึ้นมาด้วยสายเลือดที่เปี่ยมไปด้วยความรักในกีฬาบาสเกตบอล คุณพ่อของเธอ ไมค์ แดบนีย์ เคยถูกคัดเลือกเข้าสู่ทีมลอสแอนเจลิส เลเกอร์ส เมื่อปี 1976 ส่วนคุณแม่ แคทรีน มัวร์ คือบุคคลที่ช่วยให้ลูกสาวรู้จักกีฬาบาสเกตบอล หลังนำห่วงบาสจำลองติดไว้ด้านหลังประตูบ้าน จึงทำให้ มายา เริ่มเล่นบาสมาตั้งแต่อายุ 3 ขวบ

นับจากวันนั้นเป็นต้นมา ชีวิตของมายาก็เดินเข้าสู่เส้นทางบาสเกตบอลอย่างเต็มตัว เธอเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนคอลลินส์ ฮิลล์ ไฮ (Collins Hill High School) และกลายเป็นผู้เล่นระดับตำนานของโรงเรียน ด้วยการทำลายสถิติมากมายของทีมบาสเกตบอลคอลลินส์ ฮิลล์ ไฮ ไม่ว่าจะเป็น ทำแต้มสูงสุด 2,664 แต้ม, รีบาวด์สูงสุด 1,212 ครั้ง, แอสซิสต์สูงสุด 407 ครั้ง และขโมยบอลสูงสุด 467 ครั้ง

1ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ มายา จึงได้ตั๋วเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยคอนเนตทิคัต และกลายเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดของทีมตั้งแต่ปีแรก จากผลงานทำแต้มเฉลี่ยสูงสุดในทีมที่ 17.8 แต้มต่อเกม และพาต้นสังกัดทำสถิติ 36–2 ในการแข่งขันฤดูกาล 2007–08 ซึ่งผลงานตรงนี้ส่งผลให้เธอคว้ารางวัลผู้เล่นแห่งปีในดิวิชั่นบิ๊กอีสต์ (Big East Player of the Year) สร้างสถิติเป็นผู้เล่นปี 1 คนแรกที่คว้ารางวัลนี้มาครอง

มายา พัฒนาผลงานของตัวเองให้ดีขึ้นในปีถัดมา ด้วยการทำแต้มเฉลี่ย 21.0 แต้มต่อเกม และสร้างผลงานเป็นผู้เล่นที่ทำแต้มครบ 1,000 คะแนนเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์มหาวิทยาลัย ซึ่งความยอดเยี่ยมของเธอช่วยให้ทีมมหาวิทยาลัยคอนเนตทิคัตทำผลงานไร้พ่าย 39-0 คว้าแชมป์แห่งชาติประจำปี 2009 โดย มายา คว้าตำแหน่งรางวัลผู้เล่นแห่งปีในดิวิชั่นบิ๊กอีสต์อีกหนึ่งปี พ่วงด้วยรางวัล เวด โทรฟี่ (Wade Trophy) หรือ รางวัลนักบาสเกตบอลหญิงที่ดีที่สุดในระดับมหาวิทยาลัย

2ปีถัดมาผลงานของมายายังยอดเยี่ยมเช่นเคย เธอพาต้นสังกัดคว้าชัยชนะ 39 นัดรวด และพามหาวิทยาลัยคอนเนตทิคัตครองแชมป์แห่งชาติอีกครั้ง โดย มายา คว้ารางวัล เวด โทรฟี่ มาครองได้เป็นปีที่สองติดต่อกัน ก่อนจะสร้างสถิติคว้าชัยชนะรวด 90 นัด เมื่อก้าวสู่ปีสุดท้ายในรั้วมหาวิทยาลัย แม้จะพลาดการพามหาวิทยาลัยคอนเนตทิคัตคว้าแชมป์ แต่เจ้าตัวยังคว้ารางวัล เวด โทรฟี่ ส่งท้ายเป็นสมัยที่สาม ซึ่งถือเป็นคนแรกที่ทำได้

ถึงตรงนี้ มายา มัวร์ ไม่เพียงแต่จะเป็นนักบาสเกตบอลหญิงที่ดีที่สุดในระดับมหาวิทยาลัยขณะนั้น แต่ยังอาจจะเป็นนักบาสเกตบอลหญิงที่ดีที่สุดในสหรัฐอเมริกา บททดสอบสุดท้ายของเธอจึงหนีไม่พ้นการลงเล่นในลีกอาชีพ ซึ่งความกดดันของเธอมหาศาลตั้งแต่เริ่มต้น หลังกลายเป็นผู้เล่นคนแรกที่ถูกดราฟต์ในปี 2011 ของ WNBA เพื่อเข้าร่วมทีม มินเนโซตา ลินซ์ (Minnesota Lynx) แถมยังเป็นนักบาสเกตบอลหญิงคนแรกที่เซ็นสัญญากับแบรนด์จอร์แดนอีกด้วย

ก้าวสู่จุดสูงสุด 

หากคุณยังจินตนาการไม่ออกว่า ความสามารถของ มายา มัวร์ โดดเด่นแค่ไหนในวงการบาสเกตบอลหญิง ผลงานของเธอกับมินเนโซตา ลินซ์ บอกเราได้อย่างดี เพราะตั้งแต่ปีแรกที่มายาก้าวเท้าสู่ WNBA เธอได้สร้างผลงานที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์แฟรนไชส์ ด้วยการพา มินเนโซตา ลินซ์ คว้าแชมป์ WNBA ฤดูกาล 2011 พร้อมกับพ่วงรางวัลผู้เล่นหน้าใหม่แห่งปี

3มายา ยังคงร้อนแรงต่อเนื่องในฤดูกาลถัดมา ด้วยการพา มินเนโซตา ลินซ์ ออกสตาร์ทด้วยผลงาน 10-0 เป็นสถิติที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ WNBA พร้อมกันนี้เธอยังเป็นกำลังหลักของทีมชาติสหรัฐอเมริกา ในศึกลอนดอน เกมส์ 2012 ก่อนจะคว้าเหรียญทองในกีฬาบาสเกตบอลหญิงมาครองได้สำเร็จ

ความผิดหวังเดียวของ มายา ในปี 2012 คือความพ่ายแพ้ในนัดชิงชนะเลิศ ส่งผลให้เธอพลาดแชมป์ WNBA ฤดูกาล 2012 ซึ่งเธอกลับมาแก้ตัวในฤดูกาล 2013 ด้วยการพา มินเนโซตา ลินซ์ คว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ นอกจากนี้ มายา ยังคว้ารางวัล MVP ในเกมชิงชนะเลิศ หลังทำแต้มสูงสุดจาก 2 ใน 3 เกมที่ลงแข่งขัน (มินเนโซตา ลินซ์ ชนะ แอตแลนตา ดรีม 3-0)

มายา ก้าวสู่จุดสูงสุดของอาชีพในฤดูกาลถัดมา เมื่อเธอคว้ารางวัล MVP ของฤดูกาล 2014 ด้วยผลงานแต้มเฉลี่ย 23.9 นัดต่อเกม และยังสร้างสถิติทำแต้มมากกว่า 30 คะแนนในหนึ่งเกมได้มากถึง 12 นัด แม้ผลงานโดยภาพรวมของทีมจะน่าผิดหวังเนื่องจากพลาดแชมป์ แต่แน่นอนว่าไม่มีปัญหาอะไรที่ต้องกังวล เพราะ มายา ที่กำลังอยู่ในจุดพีคสามารถพา มินเนโซตา ลินซ์ กลับมาคว้าแชมป์ในฤดูกาล 2015 ได้สำเร็จ พ่วงด้วยรางวัล MVP จากเกมออลสตาร์

4ถึงตรงนี้ผู้อ่านคงเริ่มสังเกตเห็นแล้วว่า ชีวิตนักบาสเกตบอลของมายาดำเนินไปในลักษณะ “ลูป” คือ เธอจะคว้าแชมป์ WNBA ร่วมกับมินเนโซตา ลินซ์ แบบปีเว้นปี ซึ่งเหตุการณ์ประหลาดแบบนี้ยังคงเกิดขึ้นต่อไป เมื่อเธอพลาดแชมป์ในฤดูกาล 2016 ก่อนกลับมาคว้าแชมป์อีกครั้งในฤดูกาล 2017 และพลาดแชมป์ WNBA อีกรอบในฤดูกาล 2018

ลูปที่เกิดขึ้นซ้ำๆ จนไม่ว่าใครก็แทบจะคาดเดาอนาคตที่จะเกิดขึ้นกับมายาและทีมมินเนโซตา ลินซ์ ได้ ส่งผลให้เธอเริ่มหมดไฟในกีฬาบาสเกตบอลอย่างช้าๆ และเมื่อฤดูกาล 2019 ใกล้เข้ามา เธอได้ตัดสินใจที่ทำให้แฟนกีฬาช็อกตาตั้ง ด้วยการหันหลังแก่วงการบาสเกตบอล เส้นทางที่เธอก้าวเดินมาตลอดทั้งชีวิต

อุทิศชีวิตเพื่อความยุติธรรม

“ฉันใช้มาตรวัดความสำเร็จมาถามกับตัวเองว่า ‘นี่เรากำลังเดินออกนอกจุดหมายของชีวิตหรือเปล่า?’ เพราะฉันเรียนรู้มาตั้งแต่ต้นว่า จุดหมายชีวิตของฉันคือ ทำความรู้จักกับพระเยซู และช่วยให้พระเยซูรู้จักฉัน” มายา มัวร์ กล่าวในวันที่เธอหันหลังให้กับกีฬาบาสเกตบอล

“พวกคุณหลายคนคงรู้ประโยคในไบเบิลที่ฉันเขียนไว้ในหนังสือชีวประวัติจาก โคลอสเซียน วรรค 3:23 ที่กล่าวว่า ‘ไม่ว่าคุณจะทำอะไร จงทำอย่างเต็มที่ด้วยหัวใจ ราวกับทำงานเพื่อพระผู้เป็นเจ้า'”

“ฉันจึงขอหันหลังให้แก่ผู้คนเพื่อทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า ใครคือรากฐานของแนวทาง ความหลงใหล และแรงจูงใจของฉัน นี่คือประกาศของฉันเกี่ยวกับโฟกัสของฉันที่จะเปลี่ยนไปสู่อะไรก็ตาม”

5คำประกาศข้างต้นของ มายา มัวร์ แสดงให้เห็นถึงชีวิตอีกด้านของนักบาสเกตบอลหญิงคนหนึ่งที่มีพร้อมทุกอย่าง ทั้ง ชื่อเสียง เงินทอง และความสำเร็จ จนดูเหมือนว่าไม่ต้องการอะไรในชีวิตอีกแล้ว แต่แท้จริงแล้วเธอกลับรู้สึกว่างเปล่า เนื่องจากแพชชั่นในวงการบาสเกตบอลที่ลดลงไปทุกวัน ซึ่งสวนทางกับความรู้สึกที่เธอไม่ได้ทำอะไรเป็นประโยชน์ต่อโลกใบนี้ที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน

มายา เป็นคริสเตียนผู้เคร่งศาสนา และเฉกเช่นกับนักกีฬามากมายในสหรัฐอเมริกาที่ศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าอย่างแรงกล้า พวกเขาจะมอบเกียรติยศทั้งหมดในชีวิตนักกีฬาแก่พระเจ้าบนสรวงสวรรค์ แต่เมื่อวันหนึ่งที่มายารู้สึกว่างานของเธอในฐานะนักบาสเกตบอลไม่ตอบสนองประสงค์ของพระเจ้าที่อยากช่วยเหลือมวลมนุษย์ให้ดีขึ้น ชีวิตในฐานะนักกีฬาของมายาจึงไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป

แล้วอะไรคือการกระทำที่จะตอบสนองศรัทธาของมายาที่มีต่อพระเจ้าได้? การเรียกร้องความยุติธรรมแก่ผู้ปราศจากความผิดในสังคมอเมริกา เพราะเราปฏิเสธไม่ได้ว่า ระบบยุติธรรมของสหรัฐฯ ยังมีปัญหา และมีข่าวการจับกุมผู้กระทำผิดโดยไม่ยุติธรรมอยู่หลายครั้ง ซึ่ง มายา เข้าไปใกล้ชิดกับเรื่องนี้โดยตรงตั้งแต่ปี 2002 เมื่อเธอได้รับรู้เรื่องราวของ โจนาธาน ไอออนส์ (Jonathan Irons) นักโทษที่ติดคุกแบบไม่เป็นธรรมตั้งแต่อายุ 16 ปี จากความผิดที่เขาไม่ได้ก่อในปี 1998

6ย้อนกลับไปในวันเกิดเหตุ ไอออนส์ ถูกจับในข้อหาลักขโมยและเจตนาใช้อาวุธปืนทำร้ายร่างกาย โดยไอออนส์ปฏิเสธว่าเขาไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุ เพียงแต่ปรากฏตัวในบริเวณที่เกิดอาชญากรรมเท่านั้น แต่ตำรวจไม่ฟังความจริงจากปากวัยรุ่นผิวดำรายนั้น ไอออนส์ จึงต้องชดใช้ในความผิดที่เขาไม่ได้ก่อด้วยโทษจำคุก 50 ปี

นับตั้งแต่มายาทราบเรื่องที่เกิดขึ้นกับไอออนส์ เธอก็ได้ติดต่อกับนักโทษรายนี้มาโดยตลอด และทั้งสองได้กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เมื่อเธอหันหลังให้กับวงการบาสเกตบอล งานหลักของเธอจึงหนีไม่พ้น การทวงคืนความยุติธรรมให้แก่ไอออนส์ ด้วยการแสดงว่าเขาเป็นผู้บริสุทธ์ และต้องพ้นโทษจากเรือนจำโดยเร็วที่สุด

ชื่อเสียงในวงการกีฬากลับมาตอบแทนมายาในวินาทีนี้ เพราะทันทีที่เรื่องของไอออนส์โด่งดังเป็นข่าว มันคือหลักฐานที่แสดงว่ากระบวนการยุติธรรมของสหรัฐอเมริกาผิดพลาด และมีการจับตัวคนผิดมาลงโทษ ซึ่งมายาเองก็ทำงานอย่างหนักเพื่อผลักดันให้ศาลกลับมาตัดสินคดีนี้อีกครั้ง หนึ่งในนั้นคือการประกาศว่าเธอจะไม่กลับมาเล่นบาสเกตบอลจนกว่าไอออนส์จะพ้นโทษ

7นี่เป็นการตัดสินใจที่ส่งผลให้มายาพลาดแข่งขันในฤดูกาล 2020 ไปอีกปี แต่ มายา ไม่ได้รู้สึกเสียดายอะไรกับโอกาสในวงการกีฬาที่เสียไป เพราะเธอทุ่มเทเต็มที่กับการช่วยเหลือให้ไอออนส์พ้นโทษ รวมถึงการเข้าไปมีส่วนร่วมกับโครงการ End it Movement การเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ในปัจจุบัน ที่แสดงให้เห็นว่ามีมากกว่า 40 ล้านทั่วโลกที่ตกอยู่ภายใต้วังวนแห่งความมืดมิด

ในที่สุดการต่อสู้อันยาวนานของมายาก็ประสบผล เมื่อ ไอออนส์ ถูกปล่อยตัวจากเรือนจำในวันที่ 1 กรกฎาคม ปี 2020 ยุติความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับผู้ชายคนหนึ่งเป็นเวลา 23 ปีลงได้สำเร็จ และจากความผูกพันที่ร่วมต่อสู้ด้วยกันอย่างยาวนาน มายาตัดสินใจแต่งงานกับไอออนส์ และประกาศเรื่องราวนี้อย่างเป็นทางการผ่านรายการ Good Morning America ในเดือนกันยายน ปีเดียวกัน

“ตลอด 13 ปีที่ผ่านมา เราได้พัฒนาความเป็นเพื่อนจากการต่อสู้ครั้งใหญ่เพื่อช่วยให้เขากลับบ้าน และเมื่อเวลาได้ผ่านไป มันชัดเจนว่าพระผู้เป็นเจ้าได้สร้างบางสิ่งขึ้นในหัวใจของเรา ตอนนี้เรานั่งอยู่ตรงนี้ เพื่อเริ่มต้นบทชีวิตใหม่ร่วมกัน” มายา กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้แต่งงานกับบุคคลที่มีความหมายกว่ากีฬาบาสเกตบอล

8แม้จะช่วยให้คนรักได้รับความยุติธรรมอย่างที่ควรจะเป็นได้สำเร็จ แต่ใช่ว่า มายา จะลืมการต่อสู้ที่ผ่านมา และกลับไปเป็นนักบาสเกตบอลตามเดิม อันที่จริงการเดินทางของเธอในฐานะผู้ช่วยเหลือสังคมเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น โดย มายา ประกาศชัดเจนว่า เธอจะอุทิศตนช่วยเหลือผู้ที่ถูกจำคุกโดยปราศจากความผิด รวมถึงผู้ที่ได้รับการปฏิบัติอย่างไม่ถูกต้องจากระบบยุติธรรมของประเทศสหรัฐอเมริกา

มายา มัวร์ อาจไม่กลับคืนสู่วงการกีฬา และโลกได้สูญเสียนักบาสเกตบอลพรสวรรค์ที่สุดคนหนึ่งไป แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ต้องเสียใจเลย เพราะเราได้หญิงแกร่งที่พร้อมต่อสู้เพื่อความยุติธรรมมาแทน และนี่อาจจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิตของมายา เพราะเธออาจจะได้พลิกชีวิตผู้บริสุทธ์อีกหลายสิบคน เหมือนกับที่เธอเคยทวงคืนชีวิตที่หายไปของสามีกลับมา

mm88