ผัวหึงโหด ยิงชู้ของเมีย เสียชีวิตที่หน้าอำเภอพนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ก่อนเดินข้ามถนน ไปมอบตัวกับตำรวจที่โรงพัก
จากกรณีเกิดเหตุยิงกันจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ที่บริเวณด้านหน้าที่ว่าการ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อเวลา 13.05 น. ของวันที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมา
โดยผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนขนาด 11 มม. ยิง นายสมศักดิ์ อายุ 49 ปี ที่เข้ามาเกี่ยวพันในเชิงชู้สาวกับทางฝ่ายภรรยาของนายจรัส ทั้งที่มีบุตรด้วยกันแล้ว 2 คน และมีการจดทะเบียนสมรสกันอย่างถูกต้องตามกฎหมายมานานแล้ว หลังก่อเหตุได้เดินเท้าข้ามฝั่งถนน เพื่อเข้าไปขอมอบตัวต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังที่ สภ.พนมสารคาม ซึ่งอยู่ด้านฝั่งตรงข้ามด้วยตนเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด วันนี้ (12 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. พ.ต.ท.วิชาญ พวงทอง สารวัตรเวรสอบสวนเจ้าของคดี เปิดเผยว่า ได้นำตัว นายจรัส ผู้ก่อเหตุ ออกมาสอบปากคำและเซ็นรับรองพยานหลักฐาน และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับสำนวนคดี ในการส่งตัวขออำนาจฝากขังต่อศาล จ.ฉะเชิงเทรา
โดยนายจรัสนั้นมีท่าทีเรียบเฉย และไม่ได้มีท่าทีขัดขืนโดยยอมทำตามขั้นตอนในกระบวนการต่างๆ ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยดีในทุกขั้นตอน จากนั้นทางพนักงานสอบสวนจึงได้ทำการส่งตัวขออำนาจฝากขังต่อศาล จ.ฉะเชิงเทรา
ผ่านทางระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ และหลังจากศาลได้อนุมัติให้ส่งตัวฝากขังเป็นผลัดแรกแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาไปส่งยังที่เรือนจำกลาง จ.ฉะเชิงเทรา ในทันที
พ.ต.ท.วิชาญ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุทางญาติของผู้ต้องหาได้เข้ามายื่นเรื่องเพื่อจะขอประกันให้ปล่อยตัวชั่วคราว แต่ในชั้นพนักงานสอบสวนนั้นมีความเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีที่อุกฉกรรจ์ที่เกิดขึ้นท่ามกลางสายตาประชาชนในบริเวณด้านหน้าที่ว่าการอำเภอพนมสารคาม จึงไม่อนุญาตให้ประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน โดยหากญาติมีความประสงค์จะขอให้ปล่อยตัวชั่วคราวนั้น สามารถที่จะไปยื่นคำร้องต่อศาลได้
โดยทางพนักงานสอบสวน ไม่ได้คัดค้านการขอประกันตัวในชั้นศาล แต่ขอให้เป็นดุลยพินิจของทางศาลเอง ซึ่งในวันนี้ได้มีการสรุปสำนวนคดีเพื่อยื่นขออำนาจต่อศาลฝากขังไปแล้ว โดยได้ตั้งข้อกล่าวหาว่า “ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรหรือจำเป็นเร่งด่วน และยิงปืนในที่สาธารณะ”
ซึ่งในวันนี้เมื่อช่วงเช้าได้มีการสอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีกครั้ง เนื่องจากผู้ต้องหาจะขอไปให้การในชั้นศาล หลังจากทางญาติได้มีการติดต่อและพาทนายความเข้ามาร่วมต่อสู้ในทางคดีด้วย
